กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวานเป็นส่วนหนึ่งของกาพย์เห่เรือ ซึ่งเป็นบทประพันธ์ที่ใช้ในการเห่เรือพระที่นั่ง บทพระราชนิพนธ์นี้แบ่งออกเป็น 4 หมวด ได้แก่ เห่ชมเครื่องคาว เห่ชมผลไม้ เห่ชมเครื่องหวาน และเห่ครวญเข้ากับนักขัตฤกษ์
โครงสร้างและลักษณะคำประพันธ์
บทประพันธ์นี้แต่งเป็นกาพย์ยานี 11 โดยมีโคลงสี่สุภาพ 1 บทเป็นบทนำ แล้วตามด้วยกาพย์ยานี 11 หลายบทที่สอดคล้องกับโคลงบทนำ การจัดแบ่งหมวดหมู่ของอาหารในบทประพันธ์นี้ทำให้เห็นถึงความเป็นระเบียบและความพิถีพิถันในการนำเสนอ
อาหารคาวในกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน
ในบทเห่ชมเครื่องคาว มีการพรรณนาอาหารคาว 15 ชนิด ได้แก่ มัสมั่น ยำใหญ่ ตับเหล็กลวก หมูแนม ก้อยกุ้ง แกงเทโพ น้ำยา แกงอ่อม ข้าวหุงเครื่องเทศ แกงคั่วส้มหมูป่าใส่ระกำ พล่าเนื้อ ล่าเตียง หรุ่ม รังนก และไตปลา แต่ละเมนูสะท้อนถึงความหลากหลายและความประณีตในการปรุงอาหารของคนไทยสมัยโบราณ
อาหารหวานในกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน
สำหรับเครื่องหวาน มีการกล่าวถึงขนมไทย 16 ชนิด เช่น ข้าวเหนียวสังขยา ซ่าหริ่ม ลำเจียก มัศกอด ลุดตี่ ขนมจีบ ขนมเทียน ทองหยิบ ขนมผิง รังไร ทองหยอด ทองม้วน จ่ามงกุฎ บัวลอย ช่อม่วง และฝอยทอง ขนมเหล่านี้ไม่เพียงแต่มีรสชาติอร่อย แต่ยังมีความหมายและความสำคัญทางวัฒนธรรม
ผลไม้ที่ปรากฏในกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน
นอกจากอาหารคาวหวานแล้ว ยังมีการพรรณนาถึงผลไม้ไทย เช่น ผลชิด ลูกตาล ลูกจาก มะปราง มะม่วง ลิ้นจี่ ลูกพลับ น้อยหน่า ผลเกด ทับทิม ทุเรียน ลางสาด และเงาะ การกล่าวถึงผลไม้เหล่านี้แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์และความหลากหลายของทรัพยากรธรรมชาติในประเทศไทย
คุณค่าทางวรรณศิลป์และวัฒนธรรม
กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวานไม่เพียงแต่เป็นบทประพันธ์ที่ไพเราะ แต่ยังสะท้อนถึงวัฒนธรรมการกินและวิถีชีวิตของคนไทยในอดีต การพรรณนาอาหารและผลไม้ต่าง ๆ ทำให้ผู้อ่านได้เห็นภาพและเข้าใจถึงความประณีตในการปรุงอาหารของคนไทย นอกจากนี้ ยังแสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างอาหารกับความรู้สึกและอารมณ์ของผู้คนในสมัยนั้น BIGM888
สรุป
กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน เป็นบทประพันธ์ที่ทรงคุณค่า ทั้งในด้านวรรณศิลป์และการสะท้อนวัฒนธรรมการกินของคนไทยสมัยโบราณ การพรรณนาอาหารคาวหวานและผลไม้ต่าง ๆ อย่างละเอียดอ่อน ทำให้ผู้อ่านได้สัมผัสถึงความงดงามและความประณีตของวัฒนธรรมไทย